การรับสมัครบุคคลเพื่อขอสอบขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็น
ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย
1.คุณสมบัติและความรู้ในวิชาชีพของผู้มีสิทธิขอขึ้นทะเบียน
ผู้มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 ดังนี้
1.1.1.มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
1.1.2.เป็นผู้มีความรู้ในวิชาชีพตามาตรา 33(1)
1.1.3.ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสียหายซึ่งคณะกรรมการวิชาชีพเห็นว่าอาจจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติแห่งวิชาชีพ
1.1.4.ไม่เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีที่คณะกรรมการวิชาชีพเห็นว่าอาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติแห่งวิชาชีพ
1.1.5.ไม่เป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษ
1.1.6.ไม่เป็นผู้มีร่างกายทุพพลภาพหรือเป็นโรคที่คณะกรรมการวิชาชีพเห็นว่าไม่สมควรให้ประกอบโรคศิลปะ
1.1.7.ไม่เป็นคนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
1.2.ผู้มีสิทธิขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ต้องมีคุณสมบัติ ตามมาตรา 32 และต้องมีความรู้ในวิชาชีพตามมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542
2.การยื่นใบมอบตัวศิษย์
การยื่นใบมอบตัวศิษย์สาขาการแพทย์แผนไทย ตามข้อ 4 แห่งกฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2479 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตามมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 กำหนดให้ผู้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาชาการแพทย์แผนไทยประเภทต่าง ต้องยื่นใบมอบตัวศิษย์ เพื่อแสดงว่าได้เข้ารับการอบรมศึกษาสาขาวิชาการแพทย์แผนไทยไว้กับครู
2.1.สำหรับผู้มีภูมิลำเนาในส่วนภูมิภาค ให้ยื่นใบมอบตัวศิษย์ดังนี้
2.1.1.ใบมอบตัวศิษย์แต่ละสาขาๆละ 1 ฉบับ ติดภาพถ่ายที่มุมล่างขวามือของใบมอบตัวศิษย์
(รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว สาขาละ 1รูป) ห้ามใช้รูปถ่ายชนิดโพาลารอยด์
2.1.2.ภาพถ่ายทะเบียนบ้านของครูผู้ให้การอบรม(รับรองสำเนาด้วย)
2.1.3.ภาพถ่ายทะเบียนบ้านของศิษย์(รับรองสำเนาด้วย)
2.1.4.ภาพถ่ายหนังสือรับรองของครูที่ได้ผ่านการอบรมสัมมนาเพื่อพัฒนาแนวการสอนของครูผู้รับมอบตัวศิษย์(รับรองสำเนาด้วย)
ให้ยื่นใบมอบตัวศิษย์และเอกสารตามข้อ 2.1.1.-2.1.4. ในเขตที่ผู้มอบตัวศิษย์มีภูมิลำเนาอยู่
(ต้องมีทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ครูและศิษย์ต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดเดียวกันหรือเขตการสอบเดียวกัน)
2.2.ก่อนที่จะนำใบมอบตัวศิษย์และเอกสารตามข้อ 21..1-2.1.4 ไปยื่นต่อ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค) ครูผู้ให้การอบรมศึกษาและศิษย์ ต้องกรอกรายละเอียดในใบมอบตัวศิษย์ให้เรียบร้อยและครบถ้วนลงนามผู้ขอและลงนามครูผู้ให้การอบรม
- ครูผู้ประกอบโรคศิลปะประเภทเวชกรรมไทย มีสิทธิรับรองการอบรมได้ทั้งประเภทเวชกรรมไทยและเภสัชกรรมไทย
- ครูผู้ประกอบโรคศิลปะประเภทเภสัชกรรมไทย หรือประเภทการผดุงครรภ์ไทย จะรับรอง
การอบรมได้เฉพาะสาขาที่ตนได้รับใบประกอบโรคศิลปะเท่านั้น
3.ระยะเวลาการอบรม
(1) ประเภทเวชกรรมไทย ต้องเป็นผู้ได้รับการอบรมศึกษาเป็นเวลาสืบเนื่องไม่น้อยกว่า 3 ปี จาก
ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย เวชกรรมไทย
(2) ประเภทเภสัชกรรมไทย ต้องเป็นผู้ได้รับการอบรมศึกษาเป็นเวลาสืบเนื่องไม่น้อยกว่า ๒ ปี จาก
ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย เวชกรรมไทยหรือเภสัชกรรมไทย
(3) ประเภทผดุงครรภ์ไทย ต้องเป็นผู้ได้รับการอบรมศึกษาเป็นเวลาสืบเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ปี จาก
ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทยประเภทผดุงครรภ์ไทย
(4) ประเภทการนวดไทย ต้องเป็นผู้ได้รับการอบรมศึกษาเป็นเวลาสืบเนื่องไม่น้อยกว่า ๒ ปี จากผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ประเภท การนวดไทย
ทั้งนี้การยื่นเอกสารใบมอบตัวศิษย์แก่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
ต้องไม่เกินเดือนธันวาคม ของปีที่ทำการเรียน
4.การสอบขึ้นทะเบียนผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย
บุคคลที่มีสิทธิยื่นคำร้องขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ จะต้องยื่นใบมอบตัวศิษย์ครบกำหนดระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ ดังต่อไปนี้
- ประเภทเวชกรรมไทย ต้องยื่นใบมอบตัวศิษย์ไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี นับแต่วัน ยื่นคำขอใบมอบตัวศิษย์
- ประเภทเภสัชกรรมไทย ต้องยื่นใบมอบตัวศิษย์ไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี นับแต่วัน ยื่นคำขอใบมอบตัวศิษย์
- ประเภทผดุงครรภ์ไทย ต้องยื่นใบมอบตัวศิษย์ไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี นับแต่วัน ยื่นคำขอใบมอบตัวศิษย์
- ประเภทการนวดไทย ต้องยื่นใบมอบตัวศิษย์ไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปีนับแต่วัน ยื่นคำขอใบมอบต้วศิษย์
การสอบขึ้นทะเบียนแบ่งเป็น 12 เขต
เขต
สนามสอบ
จังหวัดที่เข้าสอบ
1
กรุงเทพมหานคร *
กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สมุทรปราการ
2
ลพบุรี *
ลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี สระบุรี นครนายก สุพรรณบุรี
3
ชลบุรี *
ชลบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี ระยอง สระแก้ว
4
นครปฐม *
นครปฐม กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร
5
นครราชสีมา *
นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ มหาสารคาม
6
ขอนแก่น *
ขอนแก่น กาฬสินธุ์ เลย สกลนคร อุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู
7
อุบลราชธานี *
อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร ร้อยเอ็ด นครพนม อำนาจเจริญ มุกดาหาร
8
นครสวรรค์ *
นครสวรรค์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร อุทัยธานี
9
พิษณุโลก *
พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ แพร่ อุตรดิตถ์ น่าน
10
เชียงใหม่ *
เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน
11
นครศรีธรรมราช *
นครศรีธรรมราช สุราษฎ์ธานี ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่
12
สงขลา *
สงขลา ตรัง นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สตูล
* คือตัวแทนเป็นหน่วยประสานงานจังหวัดภายในแต่ละเขต
หมายเหตุ การสอบอาจมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่สอบ ตามความเหมาะสม
5.การสมัครสอบ
5.1.เมื่อผู้ยื่นใบมอบตัวศิษย์ได้ยื่นใบมอบตัวศิษย์จนครบกำหนดระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว จึงจะมีสิทธิยื่นคำขอสอบขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะโดยจะต้องยื่นหลักฐานต่างๆ
ดังนี้
5.1.1.กรอกรายละเอียดในคำขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาละ 1 ฉบับ และลงลายมือชื่อผู้ขอฯ(ตามแบบ ร.ศ.1)
5.1.2.ใบรับรองแพทย์ครบ 7โรค คือ(อยู่ด้านหลังแบบ ร.ศ.1)
- โรคเรื้อน
- วัณโรคระยะอันตราย
- โรคติดยาเสพติดให้โทษ
- โรคพิษสุราเรื้อรัง
- โรคจิตต่างๆ
- โรคคุดทะราดหรือโรคผิวหนังอันเป็นที่น่ารังเกียจ
- กามโรคระยะที่ 2 หมายถึงระยะที่มีผื่นแผลตามผิวหนัง
5.1.3.ใบรับรองความประพฤติ ที่รับรองโดยข้าราชการตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป หรือนายทหารหรือ
นายตำรวจชั้นสัญญาบัตรขึ้นไป หรือที่ผู้อำนวยการกองประกอบโรคศิลปะเห็นสมควร
5.1.4.ภาพถ่ายทะเบียนบ้าน(ต้องรับรองสำเนาด้วย) สาขาละ 1ฉบับ
5.1.5.ภาพถ่ายขนาด 2 นิ้ว( 4*5 เซนติเมตร) หน้าตรง ท่าปกติ ไม่สวมหมวกหรือแว่นตา ถ่ายไว้
ไม่เกิน 6 เดือน สาขาละ 3 ภาพ และห้ามใช้รูปถ่ายชนิดโพลารอยด์ + 2 ภาพ ไว้ติดบัตรสอบ(รวม 5 ภาพ)
5.1.6.ภาพถ่ายใบรับมอบตัวศิษย์แต่ละสาขา(รับรองสำเนาด้วย)
5.1.7.ใบรายงานแสดงความรู้ความชำนาญ
5.1.8.ใบรายงานแสดงคนไข้ฯ(ประเภทเวชกรรมไทยและประเภทผดุงครรภ์ไทย)
5.1.9.ใบรายงานแสดงการปรุงหรือทำยาฯ(ประเภทเภสัชกรรมไทย)
5.1.10.ต้องยื่นคำขอภายในเดือนธันวาคมของทุกปี
5.1.11.ให้ผู้เข้าสอบส่งซองเปล่าติดแสตมป์ราคา 3 บาท พร้อมจ่าหน้าซองถึงตัวเอง ตามที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ ส่งให้กองประกอบโรคศิลปะจำนวน 3ซอง พร้อมคำขอสอบ เพื่อความสะดวกในการติดต่อในกรณีที่ผู้ขอสมัครสอบ ส่งหลักฐานบกพร่องหรือผู้สมัครสอบสามารถสอบได้
5.2.การยื่นขอสอบแก้ตัวภาคทฤษฎี
ถ้าผู้ที่เคยสอบความรู้มาแล้วแต่สอบไม่ผ่านในการสอบแต่ละครั้ง ประสงค์จะสอบแก้
ตัว ให้ยื่นหลักฐานตามข้อ 5.1.1- 5.1.7 และ5.1.11
5.3.การยื่นขอสอบแก้ตัวภาคปฏิบัติ
ผู้ที่สอบผ่านความรู้ภาคทฤษฎีแล้ว จะมีสิทธิสอบภาคปฏิบัติได้ไม่เกิน 3 ครั้งติดต่อกัน นับแต่ปีที่สอบผ่านความรู้ภาคทฤษฎี การสอบแก้ตัวให้ยื่นหลักฐานตามข้อ 5.1.1.-5.1.7 และ 5.1.11
5.4.การยื่นคำขอสอบ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จะต้องยื่นคำขอสอบภายในเดือนธันวาคมของทุกปี โดยจะถือวันลงรับในส่วนภูมิภาคที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำหรับส่วนกลางให้ยื่นที่กองประกอบโรคศิลปะ
5.5.ผู้ไม่มีสิทธิเข้าสอบ คือ
5.5.1.ผู้ที่ไม่ได้ยื่นใบมอบตัวศิษย์
5.5.2.ผู้ที่ใบมอบตัวศิษย์ไม่ครบกำหนด
5.5.3.ผู้ที่ไม่มีชื่อในบัญชีเข้าสอบ
5.5.4.ผู้ที่เป็นนักพรต นักบวช หรือแม่ชี
6.ข้อปฏิบัติอื่นๆ
6.1.การยื่นคำขอขึ้นทะเบียนส่วนภูมิภาค ยื่นที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่ตนมีภูมิลำเนาอยู่(มีชื่อในทะเบียนบ้าน)
6.2.ผู้ที่ยื่นใบมอบตัวศิษย์ไว้จนครบระยะเวลาการอบรมศึกษา หรือผู้ที่เคยสอบความรู้มาแล้วแต่สอบไม่ได้ หากย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ ณ จังหวัดใด และประสงค์จะสอบความรู้หรือขอสอบแก้ตัวให้ยื่นหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ตามรายละเอียดในข้อ 2 และ 3 แล้วแต่กรณี โดยหมายเหตุท้ายคำขอขึ้นทะเบียนว่า เคยยื่นใบมอบตัวศิษย์ไว้ ณ จังหวัดใด และปี พ.ศ.ใดด้วย
6.3.อำเภอหรือจังหวัดที่ได้รับคำขอสอบความรู้จะต้องเรียกเก็บเงิน ค่าสอบความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย ต่อสาขาคนละ 500 บาท และค่าคู่มือสอบ 20 บาท
6.4.ถ้ายื่นคำขอสอบแก้ตัวภาคปฏิบัติ ให้ยื่นระบุบนคำขอว่า(สอบแก้ตัวภาคปฏิบัติ)และต้องยื่นภายในเดือนธันวาคมของทุกปีด้วย
6.5.ผู้เข้าสอบจะต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัตินี้โดยถูกต้องครบถ้วย จึงจะอนุมัติให้มีชื่อในบัญชีในบัญชีรายชื่อผู้เข้าสอบ
การดำเนินการในส่วนสาธารณสุขอำเภอ 1.การยื่นมอบตัวศิษย์ ตรวจสอบเอกสารในการยื่นมอบตัวศิษย์ ตามข้อ 2.1.1-2.1.4 ทั้งนี้ข้อสำคัญในการรับมอบตัวศิษย์คือ
1)ตรวจดูสำเนาทะเบียนบ้านว่าอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนหรือไม่
ไม่อยู่ อยู่
ไม่รับเรื่อง รับเรื่อง แนะนำให้ให้ไปยื่น ณ จังหวัดที่มีสำเนาทะเบียนบ้านนั้นๆอยู่อยู่
2) ตรวจดูภูมิลำเนาของอาจารย์ที่รับมอบตัวศิษย์ ต้องมีคุณสมบัติครบ คือ
- ภูมิลำเนาอาจารย์ อยู่ในเขตเดียวกัน
เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน
- ต้องมีใบประกอบโรคศิลปะ
ถ้าสาขาเวชกรรม รับศิษย์ได้ทั้งเวชกรรมและเภสัชกรรม
ถ้าสาขาเภสัชกรรม รับศิษย์ได้เฉพาะเภสัชกรรม
ถ้าผดุงครรภ์ รับศิษย์ได้เฉพาะผดุงครรภ์
- ต้องมีใบแจ้งผ่านการอบรมครู
หมายเหตุ ต้องมีครบทั้งสามข้อ จึงจะถือว่าอาจารย์มีคุณสมบัติครบ
2.เอกสารที่ยื่นให้ผู้ขอมอบตัวศิษย์ยื่นเอกสาร 4 ชุด
- ลงรับที่ สสอ. และเก็บไว้ 1 ชุด
- ส่งให้ สสจ. 2 ชุด(ตัวจริง)
- ส่งคืนผู้มอบตัวศิษย์ 1 ชุด
3.ลงสมุดผู้มอบตัวศิษย์(สีเหลือง) กรอกข้อมูลให้เรียบร้อยและให้คำแนะนำ
ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย
1.คุณสมบัติและความรู้ในวิชาชีพของผู้มีสิทธิขอขึ้นทะเบียน
ผู้มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 ดังนี้
1.1.1.มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
1.1.2.เป็นผู้มีความรู้ในวิชาชีพตามาตรา 33(1)
1.1.3.ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสียหายซึ่งคณะกรรมการวิชาชีพเห็นว่าอาจจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติแห่งวิชาชีพ
1.1.4.ไม่เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีที่คณะกรรมการวิชาชีพเห็นว่าอาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติแห่งวิชาชีพ
1.1.5.ไม่เป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษ
1.1.6.ไม่เป็นผู้มีร่างกายทุพพลภาพหรือเป็นโรคที่คณะกรรมการวิชาชีพเห็นว่าไม่สมควรให้ประกอบโรคศิลปะ
1.1.7.ไม่เป็นคนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
1.2.ผู้มีสิทธิขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ต้องมีคุณสมบัติ ตามมาตรา 32 และต้องมีความรู้ในวิชาชีพตามมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542
2.การยื่นใบมอบตัวศิษย์
การยื่นใบมอบตัวศิษย์สาขาการแพทย์แผนไทย ตามข้อ 4 แห่งกฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2479 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตามมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 กำหนดให้ผู้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาชาการแพทย์แผนไทยประเภทต่าง ต้องยื่นใบมอบตัวศิษย์ เพื่อแสดงว่าได้เข้ารับการอบรมศึกษาสาขาวิชาการแพทย์แผนไทยไว้กับครู
2.1.สำหรับผู้มีภูมิลำเนาในส่วนภูมิภาค ให้ยื่นใบมอบตัวศิษย์ดังนี้
2.1.1.ใบมอบตัวศิษย์แต่ละสาขาๆละ 1 ฉบับ ติดภาพถ่ายที่มุมล่างขวามือของใบมอบตัวศิษย์
(รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว สาขาละ 1รูป) ห้ามใช้รูปถ่ายชนิดโพาลารอยด์
2.1.2.ภาพถ่ายทะเบียนบ้านของครูผู้ให้การอบรม(รับรองสำเนาด้วย)
2.1.3.ภาพถ่ายทะเบียนบ้านของศิษย์(รับรองสำเนาด้วย)
2.1.4.ภาพถ่ายหนังสือรับรองของครูที่ได้ผ่านการอบรมสัมมนาเพื่อพัฒนาแนวการสอนของครูผู้รับมอบตัวศิษย์(รับรองสำเนาด้วย)
ให้ยื่นใบมอบตัวศิษย์และเอกสารตามข้อ 2.1.1.-2.1.4. ในเขตที่ผู้มอบตัวศิษย์มีภูมิลำเนาอยู่
(ต้องมีทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ครูและศิษย์ต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดเดียวกันหรือเขตการสอบเดียวกัน)
2.2.ก่อนที่จะนำใบมอบตัวศิษย์และเอกสารตามข้อ 21..1-2.1.4 ไปยื่นต่อ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค) ครูผู้ให้การอบรมศึกษาและศิษย์ ต้องกรอกรายละเอียดในใบมอบตัวศิษย์ให้เรียบร้อยและครบถ้วนลงนามผู้ขอและลงนามครูผู้ให้การอบรม
- ครูผู้ประกอบโรคศิลปะประเภทเวชกรรมไทย มีสิทธิรับรองการอบรมได้ทั้งประเภทเวชกรรมไทยและเภสัชกรรมไทย
- ครูผู้ประกอบโรคศิลปะประเภทเภสัชกรรมไทย หรือประเภทการผดุงครรภ์ไทย จะรับรอง
การอบรมได้เฉพาะสาขาที่ตนได้รับใบประกอบโรคศิลปะเท่านั้น
3.ระยะเวลาการอบรม
(1) ประเภทเวชกรรมไทย ต้องเป็นผู้ได้รับการอบรมศึกษาเป็นเวลาสืบเนื่องไม่น้อยกว่า 3 ปี จาก
ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย เวชกรรมไทย
(2) ประเภทเภสัชกรรมไทย ต้องเป็นผู้ได้รับการอบรมศึกษาเป็นเวลาสืบเนื่องไม่น้อยกว่า ๒ ปี จาก
ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย เวชกรรมไทยหรือเภสัชกรรมไทย
(3) ประเภทผดุงครรภ์ไทย ต้องเป็นผู้ได้รับการอบรมศึกษาเป็นเวลาสืบเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ปี จาก
ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทยประเภทผดุงครรภ์ไทย
(4) ประเภทการนวดไทย ต้องเป็นผู้ได้รับการอบรมศึกษาเป็นเวลาสืบเนื่องไม่น้อยกว่า ๒ ปี จากผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ประเภท การนวดไทย
ทั้งนี้การยื่นเอกสารใบมอบตัวศิษย์แก่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
ต้องไม่เกินเดือนธันวาคม ของปีที่ทำการเรียน
4.การสอบขึ้นทะเบียนผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย
บุคคลที่มีสิทธิยื่นคำร้องขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ จะต้องยื่นใบมอบตัวศิษย์ครบกำหนดระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ ดังต่อไปนี้
- ประเภทเวชกรรมไทย ต้องยื่นใบมอบตัวศิษย์ไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี นับแต่วัน ยื่นคำขอใบมอบตัวศิษย์
- ประเภทเภสัชกรรมไทย ต้องยื่นใบมอบตัวศิษย์ไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี นับแต่วัน ยื่นคำขอใบมอบตัวศิษย์
- ประเภทผดุงครรภ์ไทย ต้องยื่นใบมอบตัวศิษย์ไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี นับแต่วัน ยื่นคำขอใบมอบตัวศิษย์
- ประเภทการนวดไทย ต้องยื่นใบมอบตัวศิษย์ไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปีนับแต่วัน ยื่นคำขอใบมอบต้วศิษย์
การสอบขึ้นทะเบียนแบ่งเป็น 12 เขต
เขต
สนามสอบ
จังหวัดที่เข้าสอบ
1
กรุงเทพมหานคร *
กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สมุทรปราการ
2
ลพบุรี *
ลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี สระบุรี นครนายก สุพรรณบุรี
3
ชลบุรี *
ชลบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี ระยอง สระแก้ว
4
นครปฐม *
นครปฐม กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร
5
นครราชสีมา *
นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ มหาสารคาม
6
ขอนแก่น *
ขอนแก่น กาฬสินธุ์ เลย สกลนคร อุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู
7
อุบลราชธานี *
อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร ร้อยเอ็ด นครพนม อำนาจเจริญ มุกดาหาร
8
นครสวรรค์ *
นครสวรรค์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร อุทัยธานี
9
พิษณุโลก *
พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ แพร่ อุตรดิตถ์ น่าน
10
เชียงใหม่ *
เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน
11
นครศรีธรรมราช *
นครศรีธรรมราช สุราษฎ์ธานี ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่
12
สงขลา *
สงขลา ตรัง นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สตูล
* คือตัวแทนเป็นหน่วยประสานงานจังหวัดภายในแต่ละเขต
หมายเหตุ การสอบอาจมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่สอบ ตามความเหมาะสม
5.การสมัครสอบ
5.1.เมื่อผู้ยื่นใบมอบตัวศิษย์ได้ยื่นใบมอบตัวศิษย์จนครบกำหนดระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว จึงจะมีสิทธิยื่นคำขอสอบขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะโดยจะต้องยื่นหลักฐานต่างๆ
ดังนี้
5.1.1.กรอกรายละเอียดในคำขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาละ 1 ฉบับ และลงลายมือชื่อผู้ขอฯ(ตามแบบ ร.ศ.1)
5.1.2.ใบรับรองแพทย์ครบ 7โรค คือ(อยู่ด้านหลังแบบ ร.ศ.1)
- โรคเรื้อน
- วัณโรคระยะอันตราย
- โรคติดยาเสพติดให้โทษ
- โรคพิษสุราเรื้อรัง
- โรคจิตต่างๆ
- โรคคุดทะราดหรือโรคผิวหนังอันเป็นที่น่ารังเกียจ
- กามโรคระยะที่ 2 หมายถึงระยะที่มีผื่นแผลตามผิวหนัง
5.1.3.ใบรับรองความประพฤติ ที่รับรองโดยข้าราชการตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป หรือนายทหารหรือ
นายตำรวจชั้นสัญญาบัตรขึ้นไป หรือที่ผู้อำนวยการกองประกอบโรคศิลปะเห็นสมควร
5.1.4.ภาพถ่ายทะเบียนบ้าน(ต้องรับรองสำเนาด้วย) สาขาละ 1ฉบับ
5.1.5.ภาพถ่ายขนาด 2 นิ้ว( 4*5 เซนติเมตร) หน้าตรง ท่าปกติ ไม่สวมหมวกหรือแว่นตา ถ่ายไว้
ไม่เกิน 6 เดือน สาขาละ 3 ภาพ และห้ามใช้รูปถ่ายชนิดโพลารอยด์ + 2 ภาพ ไว้ติดบัตรสอบ(รวม 5 ภาพ)
5.1.6.ภาพถ่ายใบรับมอบตัวศิษย์แต่ละสาขา(รับรองสำเนาด้วย)
5.1.7.ใบรายงานแสดงความรู้ความชำนาญ
5.1.8.ใบรายงานแสดงคนไข้ฯ(ประเภทเวชกรรมไทยและประเภทผดุงครรภ์ไทย)
5.1.9.ใบรายงานแสดงการปรุงหรือทำยาฯ(ประเภทเภสัชกรรมไทย)
5.1.10.ต้องยื่นคำขอภายในเดือนธันวาคมของทุกปี
5.1.11.ให้ผู้เข้าสอบส่งซองเปล่าติดแสตมป์ราคา 3 บาท พร้อมจ่าหน้าซองถึงตัวเอง ตามที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ ส่งให้กองประกอบโรคศิลปะจำนวน 3ซอง พร้อมคำขอสอบ เพื่อความสะดวกในการติดต่อในกรณีที่ผู้ขอสมัครสอบ ส่งหลักฐานบกพร่องหรือผู้สมัครสอบสามารถสอบได้
5.2.การยื่นขอสอบแก้ตัวภาคทฤษฎี
ถ้าผู้ที่เคยสอบความรู้มาแล้วแต่สอบไม่ผ่านในการสอบแต่ละครั้ง ประสงค์จะสอบแก้
ตัว ให้ยื่นหลักฐานตามข้อ 5.1.1- 5.1.7 และ5.1.11
5.3.การยื่นขอสอบแก้ตัวภาคปฏิบัติ
ผู้ที่สอบผ่านความรู้ภาคทฤษฎีแล้ว จะมีสิทธิสอบภาคปฏิบัติได้ไม่เกิน 3 ครั้งติดต่อกัน นับแต่ปีที่สอบผ่านความรู้ภาคทฤษฎี การสอบแก้ตัวให้ยื่นหลักฐานตามข้อ 5.1.1.-5.1.7 และ 5.1.11
5.4.การยื่นคำขอสอบ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จะต้องยื่นคำขอสอบภายในเดือนธันวาคมของทุกปี โดยจะถือวันลงรับในส่วนภูมิภาคที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำหรับส่วนกลางให้ยื่นที่กองประกอบโรคศิลปะ
5.5.ผู้ไม่มีสิทธิเข้าสอบ คือ
5.5.1.ผู้ที่ไม่ได้ยื่นใบมอบตัวศิษย์
5.5.2.ผู้ที่ใบมอบตัวศิษย์ไม่ครบกำหนด
5.5.3.ผู้ที่ไม่มีชื่อในบัญชีเข้าสอบ
5.5.4.ผู้ที่เป็นนักพรต นักบวช หรือแม่ชี
6.ข้อปฏิบัติอื่นๆ
6.1.การยื่นคำขอขึ้นทะเบียนส่วนภูมิภาค ยื่นที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่ตนมีภูมิลำเนาอยู่(มีชื่อในทะเบียนบ้าน)
6.2.ผู้ที่ยื่นใบมอบตัวศิษย์ไว้จนครบระยะเวลาการอบรมศึกษา หรือผู้ที่เคยสอบความรู้มาแล้วแต่สอบไม่ได้ หากย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ ณ จังหวัดใด และประสงค์จะสอบความรู้หรือขอสอบแก้ตัวให้ยื่นหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ตามรายละเอียดในข้อ 2 และ 3 แล้วแต่กรณี โดยหมายเหตุท้ายคำขอขึ้นทะเบียนว่า เคยยื่นใบมอบตัวศิษย์ไว้ ณ จังหวัดใด และปี พ.ศ.ใดด้วย
6.3.อำเภอหรือจังหวัดที่ได้รับคำขอสอบความรู้จะต้องเรียกเก็บเงิน ค่าสอบความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย ต่อสาขาคนละ 500 บาท และค่าคู่มือสอบ 20 บาท
6.4.ถ้ายื่นคำขอสอบแก้ตัวภาคปฏิบัติ ให้ยื่นระบุบนคำขอว่า(สอบแก้ตัวภาคปฏิบัติ)และต้องยื่นภายในเดือนธันวาคมของทุกปีด้วย
6.5.ผู้เข้าสอบจะต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัตินี้โดยถูกต้องครบถ้วย จึงจะอนุมัติให้มีชื่อในบัญชีในบัญชีรายชื่อผู้เข้าสอบ
การดำเนินการในส่วนสาธารณสุขอำเภอ 1.การยื่นมอบตัวศิษย์ ตรวจสอบเอกสารในการยื่นมอบตัวศิษย์ ตามข้อ 2.1.1-2.1.4 ทั้งนี้ข้อสำคัญในการรับมอบตัวศิษย์คือ
1)ตรวจดูสำเนาทะเบียนบ้านว่าอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนหรือไม่
ไม่อยู่ อยู่
ไม่รับเรื่อง รับเรื่อง แนะนำให้ให้ไปยื่น ณ จังหวัดที่มีสำเนาทะเบียนบ้านนั้นๆอยู่อยู่
2) ตรวจดูภูมิลำเนาของอาจารย์ที่รับมอบตัวศิษย์ ต้องมีคุณสมบัติครบ คือ
- ภูมิลำเนาอาจารย์ อยู่ในเขตเดียวกัน
เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน
- ต้องมีใบประกอบโรคศิลปะ
ถ้าสาขาเวชกรรม รับศิษย์ได้ทั้งเวชกรรมและเภสัชกรรม
ถ้าสาขาเภสัชกรรม รับศิษย์ได้เฉพาะเภสัชกรรม
ถ้าผดุงครรภ์ รับศิษย์ได้เฉพาะผดุงครรภ์
- ต้องมีใบแจ้งผ่านการอบรมครู
หมายเหตุ ต้องมีครบทั้งสามข้อ จึงจะถือว่าอาจารย์มีคุณสมบัติครบ
2.เอกสารที่ยื่นให้ผู้ขอมอบตัวศิษย์ยื่นเอกสาร 4 ชุด
- ลงรับที่ สสอ. และเก็บไว้ 1 ชุด
- ส่งให้ สสจ. 2 ชุด(ตัวจริง)
- ส่งคืนผู้มอบตัวศิษย์ 1 ชุด
3.ลงสมุดผู้มอบตัวศิษย์(สีเหลือง) กรอกข้อมูลให้เรียบร้อยและให้คำแนะนำ