โรงเรียนสิริภัจจ์ การแพทย์แผนไทย แบบทดสอบ อ.ประสิทธิ์ คงทรัพย์ พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว 1. พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 มีพระราชบัญญัติอะไร เป็นรากฐาน 1. พระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ. 2466 2. พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 3. พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2504 4. พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 2. พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 ในกฎหมายรัฐธรรมนูญถือเป็น 1. การจำกัดสิทธิของประชาชนตามพระราชบัญญัติกำหนด 2. การส่งเสริมบริหารวิชาชีพแห่งโรคศิลปะ 3. การพัฒนากฎหมายที่ใช้กำกับดูแลการประกอบโรคศิลปะ 4. การคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากการประกอบโรคศิลปะ 3. ในการตราพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 มีเหตุผลสำคัญ 1. มีการพัฒนากฎหมายในการประกอบโรคศิลปะให้ดีขึ้น 2. มีการแยกกฎหมายจาก พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 3. พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 มีบทบัญญัติไม่เหมาะสมใน ปัจจุบัน 4. มีการปรับโครงสร้างการบริหารไม่เหมือน พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 4. พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 ถือเป็นพระราชบัญญัติอะไร 1. เป็นพระราชบัญญัติที่ใช้กับคนไทย 2. เป็นพระราชบัญญัติที่ใช้ในประเทศไทย 3. เป็นพระราชบัญญัติที่ใช้กับเอกชน 4. เป็นพระราชบัญญัติที่ใช้กับคนทั่วไป 5. พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 มีประโยชน์ที่สำคัญ คือ 1. เป็นเครื่องมือในการพัฒนาการประกอบโรคศิลปะ 2. เป็นเครื่องมือคุมความประพฤติของผู้ประกอบโรคศิลปะ 3. เป็นเครื่องมือการบริหารการประกอบโรคศิลปะ 4. เป็นการคุ้มครองประชาชนในการใช้บริการประกอบโรคศิลปะ 6. พระราชบัญญัติ หมายถึง 1. ข้อบังคับความประพฤติของมนุษย์ในสังคม 2. ข้อปฏิบัติของมนุษย์ในการอยู่ร่วมกันในสังคม 3. กำหนดกรอบแห่งการปฏิบัติของมนุษย์ 4. ข้อกำหนดแห่งพฤติกรรมปฏิบัติของมนุษย์ 7. โทษทางอาญาตามกฎหมายไทย คือ 1. ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ ริบทรัพย์สิน 2. ประหารชีวิต จำคุก ปรับ ริบทรัพย์สิน 3. ประหารชีวิต กักขัง ปรับ ริบทรัพย์สิน กักกัน 4. ประหารชีวิต กักขัง จำคุก ริบทรัพย์สิน กักกัน 8. โทษทางแพ่งตามกฎหมายไทย คือ 1. ได้ใช้ค่าเสียหาย และดอกเบี้ย 2. ได้ใช้หนี้สิน และค่าเสียหาย 3. ได้ใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น 4. ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทน 9. โทษทางอาญา และโทษทางแพ่ง ตามกฎหมายไทยมีความแตกต่างที่สำคัญ คือ 1. โทษทางอาญามีผู้เสียหายมากกว่าโทษทางแพ่ง 2. การลงโทษทางอาญาถือว่าเป็นโทษที่ร้ายแรงกว่าการลงโทษทางแพ่ง 3. ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อสังคมต่างกัน 4. ความเสียหายของโทษทางแพ่งน้อยกว่าโทษทางอาญา 10. การลงโทษตามกฎหมายผู้กระทำผิด ถือหลัก 1. ไม่มีความผิด ไม่มีการลงโทษ ถ้าไม่มีหลักฐาน 2. ไม่มีการงลงโทษ จนกว่าจะพิสูจน์ได้จริง 3. มีกรณีที่สงสัยให้ยกประโยชน์แก่ผู้กล่าวหา 4. การพิจารณาต้องให้ความเป็นธรรมแก่คู่กรณี 11. พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 ประกาศใช้เมื่อใด 1. 16 พฤษภาคม 2542 2. 17 พฤษภาคม 2542 3. 18 พฤษภาคม 2542 4. 19 พฤษภาคม 2542 12. พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 บังคับใช้เมื่อใด 1. ใช้บังคับในวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 2. ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 3. ใช้บังคับก่อนวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 4. ใช้บังคับหลังวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 13. พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 ใช้บังคับใน วัน เดือน ปี พ.ศ. อะไร 1. 16 พฤษภาคม 2542 2. 17 พฤษภาคม 2542 3. 18 พฤษภาคม 2542 4. 19 พฤษภาคม 2542 14. ก่อนใช้พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 มิได้ยกเลิกพระราชบัญญัติอะไร 1. พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479-2480-2483 2. พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2490-2504-2509 3. พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2509-2511-2530 4. คำสั่งคณะปฏิรูปการปรกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 37 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2519 15. ก่อนใช้พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 ได้ยกเลิกพระราชบัญญัติกี่ฉบับ 1. 7 ฉบับ 2. 8 ฉบับ 3. 9 ฉบับ 4. 10 ฉบับ 16. ก่อนใช้พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 ได้ยกเลิกกฎหมายกี่ฉบับ 1. 7 ฉบับ 2. 8 ฉบับ 3. 9 ฉบับ 4. 10 ฉบับ 17. การประกอบโรคศิลปะมีความหมายที่สำคัญ คือ 1. การประกอบวิชาชีพที่มุ่งหมายจะกระทำต่อมนุษย์ 2. การประกอบโรคศิลปะที่กระทำต่อมนุษย์ 3. การกระทำโดยตรงต่อมนุษย์ในการตรวจโรค 4. การกระทำต่อร่างกายมนุษย์ในการบำบัดโรค 18. ข้อใดมิใช่การประกอบโรคศิลปะ คือ 1. การผดุงครรภ์การประกอบวิชาชีพที่มุ่งหมายกระทำ 2. การประกอบโรคศิลปะที่กระทำต่อมนุษย์ – การวินิจฉัยโรคมนุษย์ 3. การป้องกันโรคมนุษย์ – การส่งเสริม และการฟื้นฟูสุขภาพมนุษย์ 4. การกระทำโดยตรงต่อมนุษย์ ในการตรวจโรค บำบัดโรคมนุษย์ 19. ข้อใดไม่ใช่การแพทย์แผนไทย คือ 1. การประกอบโรคศิลปะตามความรู้แบบไทย 2. การประกอบโรคศิลปะตามตำราแบบไทย 3. การถ่ายทอดและพัฒนาสืบต่อกันมา 4. การศึกษาจากสถานศึกษาที่คณะกรรมการรับรอง 20. เวชกรรมไทย หมายความว่า 1. การตรวจโรคด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทย 2. การวินิจฉัยโรคด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทย 3. การบำบัดโรค หรือการป้องกันโรคด้วยกรรมวิธีการแพทย์ไทย 4. ถูกทุกข้อ 21. เภสัชกรรมไทย หมายความว่า 1. การกระทำในการเตรียมยา การเลือกสรรยา ด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทย 2. การผลิตยา การประดิษฐ์ยา ด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทย 3. การควบคุมและการประกันคุณภาพยา ด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทย 4. ถูกทุกข้อ 22. การแพทย์แผนไทยประยุกต์ หมายความว่า 1. การประกอบโรคศิลปะตามการศึกษาจากสถานที่คณะกรรมการรับรอง 2. การใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง 3. ใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ เพื่อการวินิจฉัย และการบำบัดโรคที่กำหนดในกฎกระทรวง 4. ถูกทุกข้อ 23. ผู้ประกอบโรคศิลปะ หมายความว่า 1. บุคคลที่ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำการประกอบโรคศิลปะ 2. บุคคลซึ่งได้ขึ้นทะเบียน และรับใบอนุญาตเป็นประกอบโรคศิลปะ 3. บุคคลซึ่งมีความรู้ในการบำบัดรักษาโรค 4. บุคคลซึ่งได้สอบความรู้เป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ 24. การประกอบโรคศิลปะตามการศึกษาจากสถานศึกษาที่คณะกรรมการมิรับรอง คือ 1. สาขาการแพทย์แผนไทย สาขาเทคนิคการแพทย์ 2. สาขากายภาพบำบัด สาขาเทคนิคการแพทย์ 3. สาขากายภาพบำบัด สาขาการแพทย์แผนจีน 4. สาขาเทคนิคการแพทย์ สาขาการแพทย์แผนจีน 25. การประกอบโรคศิลปะตามการศึกษาจากสถานที่คณะกรรมการมิรับรอง คือ 1. สาขาการแพทย์แผนไทย สาขาเทคนิค 2. คณะอนุกรรมการ การสอบขึ้นทะเบียน 3. คณะอนุกรรมการการประกอบโรคศิลปะ 4. คณะอนุกรรมการการสอบจรรยาบรรณ 26. คณะกรรมการ หมายความว่า 1. คณะกรรมการวิชาชีพ 2. คณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะ 3. คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะ 4. คณะกรรมการการแพทย์แผนไทย 27. คณะอนุกรรมการวิชาชีพ หมายความว่า 1. คณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการวิชาชีพ 2. คณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคระกรรมการ 3. คระอนุกรรมการที่พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ 4. คณะอนุกรรมการที่ควบคุมการสอบความรู้ 28. พนักงานเจ้าหน้าที่ หมายถึง 1. ข้าราชการที่มีหน้าที่ในการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ 2. ข้าราชการที่ปฏิบัติงานด้านการประกอบโรคศิลปะ 3. ข้าราชการที่ปลัดกระทรวงสาธารณะสุขแต่งตั้งโดยเฉพาะ 4. ข้าราชการที่รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงสาธารณะสุขแต่งตั้ง 29. การประกอบโรคศิลปะตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 มีกี่สาขา 1. 4 สาขา 2. 5 สาขา 3. 6 สาขา 4. 9 สาขา 30. ข้อใดมิใช่การประกอบโรคศิลปะตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 คือ 1. สาขาเทคนิคการแพทย์ – สาขากายภาพบำบัด 2. สาขาการแพทย์แผนไทย – สาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ 3. สาขาเภสัชกรรม – สาขาเวชกรรม 4. สาขาการแพทย์แผนไทย – สาขากายภาพบำบัด 31. ตามพระราชบัญญัตินี้ ได้แบ่งการประกอบโรคศิลปะแผนไทย ไว้กี่อย่าง 1. 2 อย่าง 2. 3 อย่าง 3. 4 อย่าง 4. 5 อย่าง 32. กฎหมายอื่นอ้างถึงการประกอบโรคศิลปะ หรือผู้ประกอบโรคศิลปะแผนไทย ให้หมายความถึง 1. การประกอบโรคศิลปะ หรือผู้ประกอบโรคศิลปะ เวชกรรมไทย 2. การประกอบโรคศิลปะ หรือผู้ประกอบโรคศิลปะ เภสัชกรรมไทย 3. การประกอบโรคศิลปะ หรือผู้ประกอบโรคศิลปะ ผดุงครรภ์ไทย 4. การประกอบโรคศิลปะ หรือผู้ประกอบโรคศิลปะพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 33. ตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 ได้กำหนดให้บุคคลใดรักษาการ 1. คณะรัฐมนตรี 2. นายกรัฐมนตรี 3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 4. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข 34. อำนาจ และหน้าที่ของรัฐมนตรีในข้อใดไม่ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วใช้บังคับได้ 1. แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ 2. ออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินท้ายพระราชบัญญัตินี้ 3. กำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ 4. ออกระเบียบประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ 35. ตามพระราชบัญญัตินี้ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะ บุคคลใดเป็นประธาน 1. นายกรัฐมนตรี 2. รัฐมนตรี 3. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข 4. ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ 36. ข้อใดมิใช่ผู้แทนให้เป็นกรรมการตามพระราชบัญญัติกำหนด 1. ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม 2. ผู้แทนทบวงมหาวิทยาลัย และกรมการแพทย์ 3. ผู้แทนแพทยสภา ทันตแพทยสภา สภาการพยาบาล 4. ผู้แทนจากคณะกรรมการวิชาชีพ และสภาเภสัชกรรม 37. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีจำนวนเท่าใด 1. ไม่น้อยกว่า 5 คน 2. ไม่มากกว่า 5 คน 3. ไม่ต่ำกว่า 5 คน 4. มากกว่า 5 คน 38. ในส่วนเลขานุการการประกอบโรคศิลปะ ตามพระราชบัญญัติ และพระราชบัญญัติใหม่มีความ แตกต่างกันอย่างไร 1. พระราชบัญญัติเดิม เป็นเลขานุการ และกรรมการ 2. พระราชบัญญัติใหม่ เป็นเลขานุการอย่างเดียว 3. พระราชบัญญัติเดิมให้รองผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะเป็นเลขานุการ 4. พระราชบัญญัติใหม่ให้เป็นกรรมการ และเลขานุการ 39. ในคณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะมีกรรมการที่เป็นผู้แทนในส่วนต่างๆ กี่คน 1. 26 คน 2. 27 คน 3. 28 คน 4. 29 คน 40. ในคณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะมีกรรมการที่มาจากการแต่งตั้ง ไม่เกินกี่คน 1. 4 คน 2. 5 คน 3. 6 คน 4. 7 คน 41. ในคณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะมีกรรมการที่เป็นโดยตำแหน่งกี่คน 1. 1 คน 2. 2 คน 3. 3 คน 4. 4 คน 42. คณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะในปัจจุบันนี้มีกี่คน 1. 30 คน 20. 31 คน 3. 32 คน 4. 33 คน 43. รองประธานคณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะมาจาก 1. การแต่งตั้งของรัฐมนตรี 2. มาจากประธานคณะกรรมการเลือก 3. มาจาตัวแทนคณะกรรมการวิชาชีพ 4. มาจากคณะกรรมการเลือกจากกรรมการ 44. กรรมการที่เป็นผู้แทนต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้าม คือ 1. เป็นบุคคลล้มละลาย 2. เป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ หรือผู้ประกอบวิชาชีพโรคศิลปะ ตามกฎหมายนั้นๆ 3. เป็นผู้เคยถูกสั่งพักหรือ เพิกถอนใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ 4. เป็นผู้เคยถูกสั่งพักหรือเพิกถอนใบอนุญาต ตามกฎหมายควบคุมการประกอบโรคศิลปะ ตามวิชาชีพนั้นๆ 45. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีวาระอยู่ได้กี่ปี 1. 1 ปี 2. 2 ปี 3. 3 ปี 4. 4 ปี 46. กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระ จะได้รับแต่งตั้งอีกได้หรือไม่ 1. ได้เพราะต้องการอยู่ต่อ 2. ไม่ได้เพราะหมดวาระแล้ว 3. ได้เพราะที่มาพิจารณาเห็นสมควร 4. ไม่ได้ต้องบุคคลอื่นเป็นบ้าง 47. กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ รัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการขึ้นแทนมีวาระการทำงานเท่าใด 1. ตามกำหนดของวาระ 2. อยู่ได้ตามวาระที่เหลืออยู่ 3. อยู่ได้ครึ่งหนึ่งของวาระนั้น 4. ไม่มีข้อใดถูก 48. รัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้น มีวาระอยู่ได้เท่าใด 1. อยู่ได้ครึ่งหนึ่งของวาระนั้น 2. อยู่ได้ตามกำหนดวาระ 2. อยู่ได้ตามวาระที่เหลืออยู่ 4. ถูกทุกข้อ 49. นอกจากพ้นตำแหน่งตามวาระ กรรมการที่รัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นตำแหน่งเมื่อ 1. ตาย 2. ลาออก 3. รัฐมนตรีให้ออก 4. ถูกทุกข้อ 50. ข้อใดมิใช่อำนาจ และหน้าที่ของคณะกรรมการ 1. เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีในการกำหนดนโยบาย 2. เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีในการกำหนดแผนงาน 3. เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีในการกำหนดมาตรการในการกำกับดูแลการประกอบโรค ศิลปะ 4. ไม่มีข้อใดถูก 51. ข้อใดเป็นอำนาจ และหน้าที่ของคณะกรรมการ ที่ไม่ถูกต้อง 1. ให้คำแนะนำต่อรัฐมนตรี ในการเพิ่มประเภท และสาขาของการประกอบโรคศิลปะ 2. ให้คำแนะนำต่อรัฐมนตรี ในการออกกฎหมายกระทรวง ระเบียบ ประกาศ 3. ให้คำแนะนำต่อรัฐมนตรี ในการออกพระราชบัญญัติ 4. ไม่มีข้อใดถูก 52. ข้อใดเป็นอำนาจ และหน้าที่ของคณะกรรมการ 1. แจ้งข่าวสารด้วยวิธีใดๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายเนื่องจากการประกอบโรคศิลปะ 2. โฆษณาข่าวสารด้วยวิธีใดๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายเนื่องจากการประกอบโรคศิลปะ 3. ถูกข้อ 2 4. ถูกทุกข้อ 53. ข้อใดมิใช่อำนาจ และหน้าที่ของคณะกรรมการ 1. ให้คำปรึกษา และแนะนำแก่คณะกรรมการวิชาชีพ 2. เร่งรัดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่วนราชการปฏิบัติการตามอำนาจ และหน้าที่กฎหมายกำหนด 3. เร่งรัดคณะกรรมการวิชาชีพปฏิบัติการตามอำนาจ และหน้าที่กฎหมายกำหนด 4. แต่งตั้งอนุกรรมการวิชาชีพเพื่อกระทำการใดๆ อันอยู่ในอำนาจ และหน้าที่ 54. ข้อใดมิใช่อำนาจ และหน้าที่ของคณะกรรมการ 1. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด 2. พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการ 3. พิจารณาหรือดำเนินการในเรื่องอื่นตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย 4. ถูกทุกข้อ 55. ตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการวิชาชีพกี่ สาขา 1. 3 สาขา 2. 4 สาขา 3. 5 สาขา 4. 6 สาขา 56. ตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการวิชาชีพ อย่างไร 1. สาขาการแพทย์แผนไทย สาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ 2. สาขากายภาพบำบัด สาขาเทคนิคการแพทย์ 3. สาขาอื่นตามที่กำหนดโดยเฉพาะราชกฤษฎีกา 4. ถูกทุกข้อ 57. คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยที่ประกอบด้วยผู้แทนจากส่วนราชการมีใครบ้าง 1. 13 คน 2. 15 3. 17 คน 4. ถูกทุกข้อ 58. คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยที่ประกอบด้วยผู้แทนจากส่วนราชการมีใครบ้าง 1. ผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 1 คน 2. ผู้แทนกรมการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แห่งละ 1 คน 3. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และทบวงมหาวิทยาลัย แห่งละ 1 คน 4. ถูกทุกข้อ 59. ในปัจจุบันมีกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยที่ได้รับการเลือกตั้งมีกี่คน 1. 6 คน 2. 7 คน 3. 8 คน 4. ถูกทุกข้อ 60. ในปัจจุบันคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยมีทั้งหมดกี่คน 1. 13 คน 2. 15 คน 3. 17 คน 4. ถูกทุกข้อ 61. บุคคลใดเป็นเลขานุการคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทย 1. บุคคลที่รัฐมนตรีแต่งตั้ง 2. บุคคลที่คณะกรรมการแต่งตั้ง 3. บุคคลที่คณะกรรมการวิชาชีพแต่งตั้ง 4. ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ 62. คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทย ต้องเลือกประธาน และรองประธานในกี่วัน 1. 7 วัน 2. 15 วัน 3. 20 วัน 4. 30 วัน 63. คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยจะเลือกประธาน และรองประธาน ให้นับจากวัน ไหนเป็นวันแรก 1. นับจากวันที่รัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการวิชาชีพ 2. ถัดจากวันที่รัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการวิชาชีพ 3. นับจากวันที่เลือกตั้งกรรมการวิชาชีพ 4. ถัดจากวันที่เลือกตั้งกรรมการวิชาชีพ 64. การเลือกประธานและรองประธานคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทย ใช้อะไรเป็น ที่กำหนด 1. ใช้ระเบียบที่กฎกระทรวงกำหนด 2. ใช้ระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด 3. ใช้ระเบียบที่ปลัดกระทรวงสาธารณะสุขกำหนด 4. ใช้ระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด 65. การเลือกผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทยเป็นกรรมการวิชาชีพ ใช้อะไรเป็นที่ กำหนด 1. ใช้ระเบียบที่กฎกระทรวงกำหนด 2. ใช้ระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด 3. ใช้ระเบียบที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกำหนด 4. ใช้ระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด 66. กรรมการวิชาชีพสาจาการแพทย์แผนไทยที่ได้รับการแต่งตั้ง และเลือกตั้งมีวาระอยู่ในตำแหน่ง คราวละกี่ปี 1. 2 ปี 2. 3 ปี 3. 4 ปี 4. 5 ปี 67. กรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยเมื่อหมดวาระแล้วจะเป็นต่อได้หรือไม่ 1. ได้เพราะสมัครต่อไปอีก 2. ไม่ได้เพราะต้องให้บุคคลอื่นเป็นบ้าง 3. ได้เพราะรับการแต่งตั้งหรือเลือกตั้งใหม่ 4. ไม่ได้เพราะกฎหมายห้าม 68. กรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยที่ได้รับการแต่งตั้งจะออกก่อนกำหนดวาระต่อเมื่อ 1. ตาย 2. ลาออก 3. รัฐมนตรีให้ออก 4. ถูกทุกข้อ 69. กรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยที่ได้รับการเลือกตั้งจะออกก่อนกำหนดวาระต่อเมื่อ 1. ตาย 2. ลาออก 3. ขาดคุณสมบัติ 4. ถูกทุกข้อ 70. กรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยที่ได้รับการเลือกตังต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะ ต้องห้ามอย่างไร 1. ต้องเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทยตามพระราชบัญญัตินี้ 2. เป็นผู้ไม่เคยถูกสั่งพักหรือเพิกถอนใบอนุญาต 3. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย 4. ถูกทุกข้อ 71. ข้อใดมิใช่อำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการวิชาชีพ สาขาการแพทย์แผนไทย 1. รับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้ผู้อยากเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะแผนไทย 2. เพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบโรคศิลปะแผนไทยเมื่อขาดคุณสมบัติ 3. เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการเพื่อใช้อำนาจตามพระราชบัญญัตินี้ 4. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ตามพระราชบัญญัตินี้ 72. ข้อใดมิใช่อำนาจ และหน้าที่ของคณะกรรมการวิชาชีพ 1. ให้คำปรึกษาและแนะนำแก่สถานศึกษาเกี่ยวกับการประกอบโรคศิลปะ 2. แจ้งหรือโฆษณาข่าวสารเพื่อมิให้ประชาชนเข้าใจผิดเนื่องจากการประกอบโรคศิลปะ 3. ส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานการประกอบโรคศิลปะ 4. เสนอชื่อผู้แทนเป็นคณะกรรมการวิชาชีพ 73. ข้อมิใช่อำนาจ และหน้าที่ของคณะกรรมการวิชาชีพ 1. ออกหนังสือรับรองความรู้ความชำนาญของผู้ประกอบโรคศิลปะ 2. แต่ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อกระทำการใดๆ อันอยู่ในอำนาจและหน้าที่ 3. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด 4. พิจารณาหรือดำเนินการตามที่รัฐมนตรี หรือคณะกรรมการมอบหมาย 74. การประชุมของคณะกรรมการในปัจจุบันต้องมีกรรมการมาประชุมเท่าใดถึงจะเป็นองค์ประชุม 1. ไม่มากกว่า 15 คน 2. ไม่มากกว่า 16 คน 3. ไม่ต่ำกว่า 17 คน 4. ไม่ต่ำกว่า 18 คน 75. การประชุมของคณะกรรมการวิชาชีพในปัจจุบันต้องมีกรรมการวิชาชีพมาประชุมเท่าใดถึงจะเป็น องค์ประชุม 1. ไม่ต่ำกว่า 10 คน 2. ไม่น้อยกว่า 9 คน 3. ไม่มากกว่า 10 คน 4. ไม่เกินกว่า 9 คน 76. การลงมติของที่ประชุมคณะกรรมการจะทำอย่างไร 1. ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากกรรมการทั้งหมด 2. ให้ถือคะแนนเสียงกรรมการที่มาประชุม 3. ให้ถือคะแนนเสียงกึ่งหนึ่งของกรรมการที่มาประชุม 4. ให้ถือคะแนนเสียงกรรมการข้างมากที่มาประชุม 77. เมื่อประธานคณะกรรมการหรือคณะกรรมการวิชาชีพไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติงานที่ประชุมจะ ทำอย่างไร 1. เลื่อนการประชุมเมือประธานพร้อมที่จะประชุม 2. เลือกกรรมการมาเป็นประธานในการประชุม 3. ประชุมโดยไม่ต้องมีประธานในการประชุม 4. ให้รองประธานปฏิบัติหน้าที่แทนในการประชุม 78. เมื่อประธานและรองประธานคณะกรรมการหรือคณะกรรมการวิชาชีพไม่อยู่ หรือไม่สามารถ ปฏิบัติงานได้ที่ประชุมจะทำอย่างไร 1. ให้คนไปตามประธานหรือรองประธานมาประชุม 2. เลือกกรรมการที่มาประชุมเป็นประธานในการประชุม 3. เลือกกรรมการที่อาวุโสสูงสุดเป็นประธานในการประชุม 4. เลือกกรรมการที่มีความรู้สูงสุดเป็นประธานในการประชุม 79. ตามพระราชบัญญัตินี้บุคคลใดเป็นเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา ที่มิใช่ 1. บุคคลที่เป็นกรรมการการประกอบโรคศิลปะ 2. บุคคลที่เป็นกรรมการวิชาชีพ 3. บุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข 4. บุคคลที่เป็นอนุกรรมการหรืออนุกรรการวิชาชีพ 80. หนังสือเรียกหรือหนังสือแจ้งให้บุคคลใดๆ มาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสาร หรือวัตถุในเรื่องใดตาม พระราชบัญญัตินี้มิได้ให้อำนาจแก่ผู้ใด 1. คณะกรรมการประกอบโรคศิลปะ 2. คณะอนุกรรมการการประกอบโรคศิลปะ 3. คณะกรรมการวิชาชีพ 4. คณะอนุกรรมการวิชาชีพที่ทำการสอบสวนผู้กระทำผิด 81. ผลประโยชน์ของคณะกรรมการ อนุกรรมการ คณะกรรมการวิชาชีพ คณะอนุกรรมการวิชาชีพ ใช้ ระเบียบอะไรกำหนด 1. ใช้ระเบียบกระทรวงสาธารณะสุข 2. ใช้ระเบียบกระทรวงการคลัง 3. ใช้ระเบียบสำนักงานงบประมาณ 4. ใช้ระเบียบรัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง 82. ข้อใดมิยกเว้นในการประกอบโรคศิลปะ ตามพระราชบัญญัตินี้ 1. การบำบัดโรคที่ทำกับตนเอง 2. ช่วยเหลือเยียวยาผู้ป่วยตามธรรมจรรยา 3. ผู้รับการฝึกหัดอบรมในความควบคุมของผู้ประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายกำหนด 4. บุคคลที่รับการถ่ายทอดความรู้จากครูผู้ประกอบโรคศิลปะแผนไทยตามกฎหมายกำหนด 83. บุคคลที่ได้รับมอบหมายของทางราชการให้ประกอบโรคศิลปะ ตามระเบียบอะไรกำหนด 1. ตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุขกำหนด 2. ตามระเบียบในกฎกระทรวงสาธารณสุขกำหนด 3. ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด 4. ตามระเบียบคณะกรรมการกำหนด 84. บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในสถานพยาบาลกระทำการประกอบโรคศิลปะในความควบคุมของผู้ ประกอบโรคศิลปะ ตามระเบียบอะไรกำหนด 1. ตามระเบียบกฎกระทรวงสาธารณสุขกำหนด 2. ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด 3. ตามระเบียบคณะกรรมการกำหนด 4. ตามระเบียบคณะกรรมการวิชาชีพกำหนด 85. การประกอบโรคศิลปะของที่ปรึกษาหรือผู้เชียวชาญของทางราชการ หรือผู้สอนในสถานศึกษาซึ่ง มีใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะของต่างประเทศ ต้องได้รับอนุมัติจากผู้ใด 1. รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข 2. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข 3. คณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะ 4. คณะกรรมการวิชาชีพ 86. การประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยศาสตร์หรือความรู้จากต่างประเทศ ซึ่งวิชาชีพดังกล่าวยังมิได้มี กฎหมายรับรองในประเทศ จะทำการประกอบโรคศิลปะได้หรือไม่ 1. ได้รัฐมนตรีอนุญาต 2. ได้คณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะอนุญาต 3. ไม่ได้เพราะคณะกรรมการวิชาชีพไม่อนุญาต 4. ไม่ได้เพราะมิมีกฎหมายรับรองวิชาชีพนั้น 87. ข้อใดมิใช่คุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามของผู้ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ ประกอบโรคศิลปะ 1. อายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ 2. เป็นผู้มีความรู้ในวิชาชีพตามพระราชบัญญัติกำหนด 3. ไม่เป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษ 4. ไม่มีข้อใดถูก 88. ผู้เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาให้จำคุกในคดี จะเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะตามพระราชบัญญัติ นี้ได้หรือไม่ 1. ไม่ได้คณะกรรมการเห็นว่าอาจจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย 2. ได้เพราะกรรมการเห็นว่าไม่เป็นการเสื่อมเสีย 3. ได้เพราะกรรมการวิชาชีพเห็นว่าไม่เป็นการเสื่อมเสีย 4. ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะเห็นว่าไม่สมควรให้ประกอบโรคศิลปะ 89. ข้อใดมิใช่คุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามของผู้ของขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ ประกอบโรคศิลปะ 1. ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสียหาย 2. ไม่เป็นผู้มีร่างกายทุพพลภาพ หรือเป็นโรค 3. เป็นคนวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 4. ถูกทุกข้อ 90. ผู้ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ต้องมีความรู้ ในวิชาชีพ ในการอบรมหรือถ่ายทอดความรู้จากผู้ประกอบโรคศิลปะอย่างไร 1. ได้รับการอบรมจากผู้ประกอบโรคศิลปะซึ่งได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติกำหนด 2. ได้รับการอบรมตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงตามพ.ร.บ. นี้ 3. ได้ผ่านการสอบความรู้จากคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยแล้ว 4. ถูกทุกข้อ 91. ผู้ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ต้องมีความรู้ ในวิชาชีพ ในการอบรมจากสถาบันอย่างไร 1. ได้รับการอบรมจากสถาบันที่คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยรับรอง 2. ในการอบรมที่สถาบันคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยอาจสอบความรู้ก่อนก็ได้ 3. ใช้หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไข ที่คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยกำหนด 4. ถูกทุกข้อ 92. ผู้ทีมิได้รับการอบรมจากครูผู้ประกอบโรคศิลปะ หรือสถาบันการศึกษาที่คณะกรรมการวิชาชีพ สาขาการแพทย์แผนไทยรับรอง จะมีสิทธิของขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรค ศิลปะได้หรือไม่ 1. ได้ผู้นั้นมีความรู้ที่ส่วนราชการรับรองผ่านการประเมินตามเงื่อนไขตามกฎหมายกำหนด 2. ไม่ได้ผู้นั้นมิได้ผ่านการอบรมหรือสอบความรู้จากคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทย 3. ได้ผู้นั้นมีความสามารถที่ส่วนราชการรับรองผ่านการประเมินเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด 4. ถูก ข้อ 1 ข้อ 3 93. ข้อใดมิใช่ความรู้ในวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทย คือ 1. ได้รับการอบรมจากผู้ประกอบโรคศิลปะ ตามพระราชบัญญัติกำหนด 2. ได้รับการอบรมจากสถาบันการศึกษา ตามพระราชบัญญัติกำหนด 3. เป็นผู้ที่ส่วนราชการรับรอง ตามพระราชบัญญัติกำหนด 4. ไม่มีข้อถูก 94. ข้อใดมิต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง 1. การขอขึ้นทะเบียน และรับใบอนุญาต และการออกใบอนุญาต 2. การขอรับใบแทนใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต 3. การออกหนังสือรับรองความรู้ความชำนาญเฉพาะทางในการปะกอบโรคศิลปะ 4. ผู้ประกอบโรคศิลปะต้องประกอบโรคศิลปะตามที่กฎหมายกำหนด 95. การกำหนดอายุใบอนุญาตและการต่ออายุใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข อะไร 1. ตามกฎกระทรวงกำหนด 2. ตามรัฐมนตรีกำหนด 3. ตามคณะกรรมการกำหนด 4. ตามคระกรรมการวิชาชีพกำหนด 96. ผู้ประกอบโรคศิลปะจะประกอบโรคศิลปะในสาขาอื่นที่ตนมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตได้ หรือไม่ 1. ได้เพราะประกอบโรคศิลปะในการควบคุม 2. ไม่ได้เพราะตนไม่มีความรู้ความชำนาญ 3. ได้เพราะมีความรู้ความชำนาญหลายสาขา 4. ไม่ได้เพราะผิดตามพระราชบัญญัติกำหนด 97. ผู้ประกอบโรคศิลปะต้องประกอบโรคศิลปะภายใต้บังคับแห่งข้อจำกัด และเงื่อนไขตามระเบียบ อะไรกำหนด 1. ตามกฎกระทรวงกำหนด 2. ตามรัฐมนตรีกำหนด 3. ตามคณะกรรมการกำหนด 4. ตามคณะกรรมการวิชาชีพกำหนด 98. จรรยาบรรณแห่งวิชาชีพตามระเบียบที่รัฐมนตรีมิกำหนด คือ 1. ผู้ประกอบโรคศิลปะต้องใช้ จ้างวานให้ผู้อื่นโฆษณาการประกอบโรคศิลปะของตน 2. ผู้ประกอบโรคศิลปะไม่ยินยอมให้ผู้อื่นโฆษณาการประกอบโรคศิลปะของตน 3. ผู้ประกอบโรคศิลปะไม่ยินยอมให้ผู้อื่นโฆษณาความรู้ความชำนาญในการประกอบโรค ศิลปะของตน 4. ไม่มีข้อใดถูก 99. ข้อใดมิใช่ข้อยกเว้นในจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ของผู้ประกอบโรคศิลปะ 1. โฆษณาการประกอบโรคศิลปะเกี่ยวกับการแสดงผลงานในหน้าที่ ที่รัฐมนตรีกำหนด 2. โฆษณาการประกอบโรคศิลปะเพื่อการศึกษาประชุมทางวิชาการ ที่รัฐมนตรีกำหนด 3. โฆษณาการประกอบโรคศิลปะเพื่อการบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะที่รัฐมนตรีกำหนด 4. ข้อ 1 , 2 , 3 ผิด 100. บุคคลที่ได้รับความเสียหายจากผู้ประกอบโรคศิลปะไม่แจ้งวิธีการประกอบโรคศิลปะให้ ผู้เสียหายทราบ ผู้เสียหายจะดำเนินการอย่างไร 1. ทำหนังสือกล่าวหาตามระเบียบรัฐมนตรีกำหนดยื่นต่อคณะกรรมการวิชาชีพ 2. ทำหนังสือกล่าวหาตามระเบียบคณะกรรมการกำหนดยื่นต่อคณะกรรมการวิชาชีพ 3. ทำหนังสือกล่าวหาตามระเบียบกฎกระทรวงฯ กำหนดยื่นต่อคณะกรรมการวิชาชีพ 4. ทำหนังสือกล่าวหาตามระเบียบคณะกรรมการวิชาชีพกำหนด |
|